วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ระดับเสียง (Pitch)
1. ระดับเสียง คือระดับความสูง – ต่ำของโน้ตสากล ซึ่งสัญลักษณ์ของดนตรีสากลที่จะ
บอกถึงความสูง – ต่ำ คือบรรทัด 5 เส้น
2. บรรทัด 5 เส้น (Staff) บรรทัด 5 เส้น มีไว้สำหรับบันทึกตัวโน้ต และตัวหยุด
เพื่อให้รู้ระดับเสียงสูง – ต่ำของตัวโน้ต การใช้บรรทัด 5 เส้น ในตอนเริ่มแรกมีเพียงเส้นเดียว
เรียกว่า “บูม”คือเครื่องหมายที่ใช้บันทึกกับเพลงสวด ต่อมาไม่นานนักจำนวนเส้นเพิ่มขึ้นเป็น 2
เส้น ใช้สีต่างกันเส้นบนเป็นเส้นสีแดง คือตำแหน่งของ F เส้นล่างสีเขียว หรือเหลือง คือ
ตำแหน่งของ C ในศตวรรษที่ 11 กีโด ดาเรสโซ (Guido d’ Arezzo) เพิ่มเส้นในสตาฟฟ์ขึ้นเป็น
4 เส้น และใช้บันทึกเพลงสวดเกรกอเรียนชานท์ ต่อมาจำนวนเส้นถูกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 11
เส้น (ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์.2533:42)






ตัวอย่างที่ 1.1 ลักษณะของบรรทัด 11 เส้น (Great Staff)


ต่อมาในศตวรรษที่ 13 ได้มีการแยกบรรทัดออกเป็น 2 ส่วน โดยใช้เส้นที่ 6 เป็นเกณฑ์
ในการแบ่ง จากนั้นมาบรรทัด 5 เส้น จึงเป็นมาตรฐานมาโดยตลอด วิธีการนับบรรทัด 5 เส้น
จะนับเส้นล่างสุดเรียงลำดับขึ้นไปหาเส้นบน และจะเห็นตัวโน้ตที่บันทึกอยู่บนบรรทัด 5 เส้น
ทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งการบันทึกโน้ตในลักษณะนี้เรียกว่า ”การบันทึกโน้ตคาบเส้น” ในบรรทัด 5 เส้น
จะมีช่องอยู่ 4 ช่อง ลักษณะการนับเหมือนกัน คือนับจากช่องล่างสุดเรียงลำดับ ขึ้นไปหาบน

โน้ตที่ บันทึกอยู่ในช่องบรรทัด 5 เส้น ทั้งหมด 4 ตัว เรียกว่า“การบันทึกโน้ตในช่อง”




ตัวอย่างที่ 1.2 ลักษณะของบรรทัด 5 เส้น





ตัวอย่างที่ 1.3 ตัวโน้ตที่บันทึกในลักษณะคาบเส้นและตัวโน้ตที่บันทึกในช่อง


หลักการบันทึกตัวโน้ตลงในบรรทัด 5 เส้น มีลักษณะการบันทึกที่ควรสังเกตดังนี้
การบันทึกในช่อง หัวของโน้ตจะต้องอยู่ภายในช่องโดยไม่ล้นออกมาคาบเส้น ซึ่ง
มีสาเหตุมาจากการเขียนโน้ตที่ไม่เหมาะสมกับบรรทัด 5 เส้น





ตัวอย่างที่ 1.4 แสดงการบันทึกในช่องที่ถูกต้อง และการบันทึกที่ไม่ถูกต้อง


การบันทึกคาบเส้น หัวของโน้ตจะคาบตรงกลางเส้น ไม่ล้ำหรือล้นลงในช่องจนทำ
ให้อาจจะอ่านผิดได้






ตัวอย่างที่ 1.5 แสดงการบันทึกคาบเส้นที่ถูกต้อง และการบันทึกที่ไม่ถูกต้อง


ในส่วนของโน้ตที่ไม่ถูกต้องจะเห็นว่าโน้ตมีลักษณะที่ไม่สมบูรณ์คือเกินจนล้ำเส้น หรือ
ขาดไม่เต็มช่องซึ่งยากในการอ่าน ในเรื่องของหางตัวโน้ตจะมีรายละเอียดในเรื่องลักษณะตัวโน้ต
เมื่อนำตัวโน้ตทั้งหมดมาเขียนเรียงลำดับกันแล้ว จะเขียนสลับกันระหว่างโน้ตคาบเส้น กับโน้ตใน
ช่อง และจะเห็นว่ามีตัวโน้ตทั้งหมดมีเพียง 9 ตัวเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เสียงของเครื่อง
ดนตรีมีมากกว่านี้ แต่การบันทึกลงบนบรรทัด 5 เส้นก็จะได้โน้ตเพียง 9 ตัว หากต้องการจะได้
โน้ตที่สูงหรือต่ำไปกว่านี้ก็ต้องใช้เส้นน้อยเข้ามาช่วย





ตัวอย่างที่ 1.6 ตัวโน้ตที่บันทึกเรียงลำดับระหว่างโน้ตคาบเส้นกับโน้ตในช่อง


3. เส้นน้อย (Leger Line) มีไว้สำหรับบันทึกตัวโน้ตที่อยู่ใต้บรรทัด 5 เส้น และโน้ตที่
อยู่เหนือบรรทัด 5 เส้น ทำให้เพิ่มตัวโน้ตมากขึ้นนอกเหนือจากโน้ตที่มีระดับเสียงต่ำหรือเสียงสูง
จากบรรทัด 5 เส้น การอ่านเส้นน้อยเช่นเดียวกันกับวิธีการอ่านบรรทัด 5 เส้น ในการเขียนเส้นน้อยมี
ข้อระวังอยู่ว่าต้องรักษาระดับเส้นน้อยในเส้นที่ 1 2 3 ให้ตรงกัน เพราะว่าเส้นน้อย คือเส้นที่นำมา
จากบรรทัด 11 เส้น






ตัวอย่างที่ 1.7 แสดงลักษณะของเส้นน้อย


การบันทึกตัวโน้ตลงบนเส้นน้อยจะบันทึกเหมือนกับการบันทึกลงบรรทัด 5 เส้น คือ
สลับกันระหว่างตัวโน้ตคาบเส้น และตัวโน้ตในช่อง



ตัวอย่างที่ 1.8 ลักษณะตัวโน้ตเสียงสูงที่บันทึกเหนือบรรทัด 5 เส้น




ตัวอย่างที่ 1.9 ลักษณะตัวโน้ตเสียงต่ำที่บันทึกใต้บรรทัด 5 เส้น

4. เส้นกั้นห้อง (Bar line)ในบรรทัด 5เส้นนอกจากจะมีเส้นน้อยแล้ว ยังมีสัญลักษณ์อื่น ๆ
ทางดนตรีที่จะต้องเกี่ยวข้องกับบรรทัด 5 เส้น ต่อไปก็คือเส้นกั้นห้อง คือเส้นที่ขีดขวางบรรทัด 5
เส้นลงมา กั้นตัวโน้ตเมื่อครบจังหวะซึ่งมีความสัมพันธ์กับเครื่องหมายกำหนดจังหวะ เช่น ถ้า
เครื่องหมายกำหนดว่ามีตัวโน้ตได้ห้องละ 3 จังหวะ เมื่อเขียนตัวโน้ตครบทุก ๆ 3 จังหวะ ก็จะเขียน
เส้นกั้นห้อง 1 เส้น วิธีการเขียนที่ถูกต้องคือการเขียนขวางบรรทัด 5 เส้น ไม่เลยลงไปด้านล่างและ
ไม่เกินขึ้นไปด้านบนของบรรทัด 5 เส้น

ตัวอย่าง 1.10 แสดงการเขียนเส้นกั้นห้อง









































ตัวอย่าง 1.10 แสดงการเขียนเส้นกั้นห้อง
5. เส้นดับเบิลบาร์ หรือเส้นเริ่ม/จบท่อนเพลง (Double Berline) คือเส้นที่ใช้ขีดกั้นตัว









โน้ตเมื่อจบท่อนเพลงวิธีเขียนเหมือนกับเส้นกั้นห้องแต่เป็น 2 เส้นคู่

















ตัวอย่างที่ 1.11 แสดงการเขียนเส้นดับเบิลบาร์
6. ชื่อของตัวโน้ต เสียงต่าง ๆ ของตัวโน้ตจะมีชื่อเรียงตามลำดับ 7 ชื่อ ดังนี้
การเรียกชื่อระบบโซ-ฟา โด(Do) เร(Re) มี(Mi) ฟา(Fa) โซ(So) ลา(La) ที(Ti)
การเรียกชื่อระบบระบบตัวอักษร C D E F G A B
(ณัชชา โสคติยานุรักษ์. 9 : 2549.)
ระดับเสียงทั้ง 7 นี้ เป็นหลักในการก่อให้เกิดความไพเราะสูง – ต่ำ ในทางดนตรีเมื่อเรา
เปล่งเสียงตามลำดับจนครบ จะเรียกว่า 1 ช่วงเสียง (คู่ 8 หรือ Octave) ชื่อตัวโน้ตจะวนอยู่แค่ 7 ชื่อ
แม้ว่าตัวโน้ตจะเลื่อนระดับไปสูงหรือต่ำในบรรทัด 5 เส้น และตัวที่จะมากำหนดชื่อตัวโน้ตใน
บรรทัด 5 เส้น ก็คือกุญแจประจำหลัก
7. กุญแจประจำหลัก (Clef) คือเครื่องหมายกำหนดเสียง ทำหน้าที่บ่งบอกระดับเสียง
และกำหนดชื่อของโน้ตประจำระดับเสียงนั้น กุญแจประจำหลักมีอยู่ 3 ลักษณะดังนี้
กุญแจโซ หรือกุญแจจี (G Clef) เป็นกุญแจที่นักร้อง นักดนตรีควรจะต้องอ่านให้ได้
อย่างชำนาญ โดยเฉพาะนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีที่มีเสียงสูง เช่นกีตาร์ ทรัมเป็ต คีย์บอร์ด แซ็ก
โซโฟน ปี่ฯลฯ เครื่องดนตรีที่กล่าวมาเป็นเครื่องดนตรีที่ต้องใช้กุญแจจีเป็นหลัก ดังนั้นผู้ที่เรียนวิชา
ปฏิบัติในเครื่องดนตรีดังกล่าว จะต้องทำความเข้าใจ และเขียนกุญแจจีให้ถูกต้อง การเขียนกุญแจจีลง
ในบรรทัด 5 เส้นนั้น หัวกุญแจจะคาบอยู่เส้นที่ 2 ซึ่งจะมีผลทำให้โน้ตที่คาบเส้นที่ 2 นั้นมีชื่อว่า
“G” ลักษณะการเขียนที่สำคัญดูรูปตามตัวอย่างที่ 1.12












ตัวอย่างที่ 1.12 แสดงตำแหน่งต่าง ๆในการเขียนกุญแจจี









































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































ไม่มีความคิดเห็น: